คำว่า Personal เราต้องรู้ก่อนว่า คนไข้แต่ละคนเป็นอย่างไร อย่างแรกที่ต้องทำ
เราต้อง manual check up ก่อน ต้องซักประวัติ ตรวจร่างกายก่อนว่า
คนไข้มีประวัติอะไร มีโรคประจำตัวอะไร Main lifestyle เป็นยังไง อันนี้สำคัญที่สุด
เพราะว่า บางครั้งคนไข้มาบอกว่า ไม่มีโรคเลย ปกติดี แต่พอเวลาหมอมาตรวจ ก็พบเจอโรคที่แฝงอยู่ในทุกๆคน
วิธีที่หมอใช้ตรวจร่างกายคนไข้ทั่วไป ก็จะดูพวก BMI ดู Metabolic Rate
และก็ ดู Character ของคนไข้ ดู Lifestyle ของคนไข้
Lifestyle หมายถึงอะไร
1. การกินของคนไข้ ทานอาหารวันละกี่มื้อ ทานเวลาใดบ้าง เหมือนกันทุกวันหรือเปล่า
2. Active life แบบไหน มี Activity ในแต่ละวันยังไงบ้าง ตื่นขึ้นมาทำอะไร
และมันจะ refer ถึง Body metabolic rate ของคนไข้ ว่าใช้มาก ใช้น้อย อย่างไร
3. Lifestyle อื่นๆ เช่น อาหารที่คนไข้กินในแต่ละมื้อ เนื้อเยอะ ผักเยอะ แป้งเยอะ โปรตีนเยอะ เป็นต้น
ส่วนใหญ่ในการที่จะทำ IV Drip personal เนี่ย
หมอจะถามคนไข้ว่า 2-3 วันที่ผ่านมาชอบทำอะไร ชอบทานอะไรบ้าง แล้วอาทิตย์ที่ผ่านมา
Lifestyle เป็นยังไง เข้านอนกี่โมง นอนวันละเท่าไหร่ เวลาที่นอนเป็นยังไง นอนแบบคนปกติไหม เช่น นอนสี่ทุ่มห้าทุ่ม ตื่นหกโมงเช้า เจ็ดโมงเช้า หรือนอนแบบ ฉันอยากนอนตอนไหน ฉันก็นอน อย่างประเภท ทำงานดึกๆ หามรุ่งหามค่ำ แล้วก็หลับคาโต๊ะ หรือจะนอนจนกว่าตาจะปิด ด้วยการดูหนัง หรือเปิดทีวีค้างไว้จนเช้า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน หรือจะเป็นสายปาร์ตี้ เฮฮา แฮงเอ้าท์ เมาไหนนอนนั่น
หมอก็สามารถที่จะ แบ่ง Personality ของคนไข้ได้ แบ่ง Temperament ของคนไข้
ซึ่งมันก็จะเป็น Personal ทั้งหมดเลยที่ว่า เราจะ classify หรือ categorize vitamin ให้คนไข้
หรือ personal therapy ให้คนไข้ได้อย่างไร และที่สำคัญเลยเราก็ดูก่อน แล้วค่อยมามองว่า
เราจะตรวจอะไรคนไข้เพราะจริงๆแล้ว List การตรวจร่างกายบนโลกใบนี้นั้น มีมากกว่า 3 หมื่น Lab test เราก็ค่อยมา classify มาเลือกให้เขา ให้เหมาะสม ว่าเราจะตรวจอะไร
อะไรตรวจแล้วคุ้มค่า กับสิ่งที่เราจะให้ และที่สำคัญ เราจะได้ดูแลกันไปยาวๆ
Line : @akiraclinic
Facebook : AkiraClinic2020
Instagram : akiraclinic2020
TikTok : @akiraclinic2020
Youtube : akiraclinic